“เขาใหญ่“ ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และนับว่าเป็นผืนป่าใหญ่ที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มากสไตล์ ทั้งทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งรวบรวมสถานที่กิน เที่ยว ช้อป ไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล โดยมีถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือ “ถนนธนะรัชต์” ที่เป็นเส้นทางแห่งความสุข มีเสน่ห์ดึงดูดใจและสร้างสีสันความบันเทิงให้แก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้ตลอดเส้นทาง และไม่ว่าคุณจะเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่แห่งนี้สักกี่ครั้ง เราเชื่อว่าคุณก็จะได้พบกับความแปลกใหม่ของสถานที่แห่งนี้อยู่ตลอดเวลา
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีอาณาบริเวณครอบคลุมพื้นที่คาบเกี่ยวใน 4 จังหวัด คือ อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี, อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา, อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี และ อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เมื่อปี 2548 ได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ” จากองค์การยูเนสโก พร้อมได้รับการบันทึกสถิติว่า เป็นแหล่งที่มีอากาศบริสุทธ์ 1 ใน 7 ของโลก และด้วยสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดปีของที่นี่ จึงมีผู้นำองุ่นพันธุ์ไวน์ต่างๆ มาเพาะปลูกเป็นไร่ขนาดใหญ่ ทำอุตสหกรรมไวน์หลายแห่ง และเปิดเป็นรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาดื่มด่ำกับบรรยากาศไร่องุ่นสไตล์เมดิเตอเรเนียน หรือยุโรปตอนใต้นั่นเอง และแล้วแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แหล่งช็อปปิ้งพักผ่อนหย่อนใจในสไตล์ยุโรปอีกมากมายก็เกิดขึ้นตามมาเป็นทิวแถวตลอดแนวถนนธนะรัชต์ และถนนรอบๆ เขาใหญ่ เกือบทุกสาย คู่หูเดินทางฉบับนี้จึงอยากจะขออัพเดทมนต์เสน่ห์แห่งความสุข ณ เขาใหญ่ สถานที่ที่มีมนต์ขลังแห่งนี้
จุดหมายแรกของเราบนเส้นทางแห่งความสุขเริ่มต้นที่ SheepLand ตั้งอยู่บริเวณริมถนนธนะรัตน์ กม.ที่ 4 ฝั่งซ้ายมือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฟาร์มแกะชีพแลนด์ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับความน่ารักของแกะตัวเล็กตัวน้อยไปถึงตัวใหญ่ ที่สามารถลูบ จับ สัมผัสได้ จะอุ้ม จะกอด ทำได้หมด ไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด เพียงแค่คุณเดินผ่านประตูรั้วเข้าสู่สนามหญ้า พวกมันก็จะวิ่งเข้ามารุมล้อมรอบตัวคุณแล้ว เป็นการออดอ้อนให้คุณซื้อนมสดหรืออาหารเม็ดมาป้อนให้พวกมัน ช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ แถมมันยังชอบทำตัวเป็นดาราหน้ากล้องให้คุณถ่ายรูปคู่กับมันอีก เมื่อชื่นชมความน่ารักของลูกแกะน้อยกันจนพอใจแล้ว ก่อนจากไปก็อย่าลืมแวะชิม เจลลาโต้ไอศครีมไขมันต่ำแบบโฮมเมด แล้วเลือกซื้อสินค้าแฮนด์เมดจากผลิตภัณฑ์ขนแกะต่างๆ ไปฝากคนที่บ้านด้วย
ชีพแลนด์ เปิดทุกวัน 11.00 – 20.30 น. (หยุดทุกวันอังคาร) โทร. 08-8071-2012
ออกจากชีพแลนด์มาอีกนิดเดียว ประมาณ กม.ที่ 6 เราก็มาถึง The Smoke House ร้านอาหารยุโรป และอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในช่วงนี้ โดยสร้างเป็นปราสาททรงยุโรปโบราณออกมาได้อย่างโดดเด่นสะดุดตาเป็นสง่ากับถนนสายนี้มาก ใครที่ผ่านไปมาต่างก็อดใจไว้ไม่ได้ที่จะต้องแวะถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกไว้แอ๊คอาร์ตกับเพื่อนฝูงประหนึ่งว่าได้ไปเยือนดินแดนยุโรปแห่งใดแห่งหนึ่งมาก็มิปาน อาหารที่นี่รสชาติดี แต่ขอแนะนำว่าควรสั่งมาหลายๆ เมนู แล้วแชร์กันทานจานโน้นคำจานนี้คำ รับรองได้อิ่มกันทั้งวงแน่นอน ราคาอาจจะดูค่อนข้างสูงแต่ก็คุ้มค่า เพราะของเค้าจานใหญ่จัดเต็มสมราคา และถ้ามานั่งทานตั้งแต่ 1 ทุ่ม เป็นต้นไป ท่านก็จะได้ทานข้าวเคล้าเสียงเพลงจากจาก 3 หนุ่มหล่อ บนเวทีแสดงสด ที่สามารถมองผ่านออกไปเห็นทุ่งกว้างและขุนเขาเบื้องหลัง ก็นับได้ว่าเป็นมื้อค่ำที่โรแมนติคไม่เบาเลยทีเดียว มีบริการไวน์รสเลิศและเบอเกอรี่รสละมุม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ เวลาที่เหมาะสำหรับการมาเยือนที่นี่ก็น่าจะประมาณช่วงแดดร่มลมตก จนถึงช่วงหัวค่ำ เพราะเมื่อยามพระอาทิตย์เริ่มอัสดง เราก็จะเริ่มเห็นแสงไฟประดับที่ทางร้านจัดแต่งไว้เพื่อเสริมความสง่างามให้กับเดอะสโมกเฮ้าส์แห่งนี้มากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นที่ที่สวยทั้งกลางวันและกลางคืนจริงๆ